วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ทำไมต้องฆ่าเสธ.แดง? นักรบชุดดำคือใคร?







คำตอบนั้นง่ายมากๆ นั่นก็คือ เสธ.แดงรู้ข้อมูลที่ชี้เป็นชี้ตายของฝ่ายเสื้อแดงให้พ่ายแพ้ในการต่อสู้ได้เลย

เมื่อเสธ.แดง กุมความลับด้านมืดของเสื้อแดงเอาไว้ ก็จำเป็นต้องสั่งเก็บเสธ.แดง

และข้อมูลที่ต้องสั่งเก็บเสื้อแดง นั่นก็คือ ข้อมูลเกี่ยวกับนักรบชุดดำ หรือไอ้โม่งดำ หรือนักรบโรนินที่เสธ.แดง ใช้เรียก

นักรบชุดดำ หรือไอ้โม่งดำ ที่มีการใช้อาวุธหนัก มาช่วยฝ่ายเสื้อแดง เหมือนที่อริสมันต์เคยปราศัยว่า

"มีกองกำลังไม่ทราบฝ่าย มาช่วยพวกเรา"

นี่แหละคือมูลเหตุ สาเหตุสำคัญที่ชี้ได้เลยว่า ทหารไม่ได้ยิงประชาชน แต่คนยิงประชาชนคือนักรบชุดดำ (ที่อาจถอดชุดดำแฝงกายอยู่ในฝ่ายเสื้อแดงแล้ว)

ถ้าผมอ้างลอยๆ พวกควายมันย่อมไม่เชื่อ เพราะเหล่าควายมันมีโมหะ โทสะจริต เชื่อฟังแต่ทรราช เห็นกงจักรเป็นดอกบัวไปแล้ว

ต่อไปนี้ บทความจากผู้สื่อข่าวต่างประเทศ 2คน ที่ชื่อ Kenneth Todd Ruiz และ Olivier Sarbil ที่เคยเข้าไปสัมผัสกลุ่มนักรบโรนินของเสธ.แดง ในบทความที่ชื่อว่า

เอเชียไทม์เปิดโปงชายชุดดำ นักรบ "โรนิน" กลุ่มเสื้อแดง


--------------------





Southeast Asia
May 29, 2010


Unmasked: Thailand's men in black
By Kenneth Todd Ruiz and Olivier Sarbil

BANGKOK - A cigarette hanging from his lips, a sinewy man with a knotted-up beard perched on the back of a plastic chair and spoke into a military-grade radio.

ชายร่างบึกบึนกำยำซึ่งมีเคราที่ถักเป็นกระจุกผู้หนึ่ง เท้าแขนลงบนพนักพิงของเก้าอี้พลาสติก และกรอกคำพูดเข้าไปในวิทยุรับส่งคุณภาพสูงระดับที่ใช้กันในหน่วยทหาร ขณะที่ริมฝีปากของเขายังคงคาบบุหรี่เอาไว้

''Happy birthday," he said in English. Moments later a sonorous detonation boomed from afar in the heart of the Thai capital. A cluster of anti-government protesters crowded around him exulted, shouting ''Happy birthday'' in unison. Many more such coded celebrations would follow in the next 24 hours.

“แฮปปี้เบิร์ธเดย์” เขาพูดเป็นภาษาอังกฤษ ไม่กี่อึดใจต่อมาก็มีเสียงระเบิดกัมปนาทขึ้นจากจุดที่อยู่ห่างออกไปในเขตใจ กลางกรุงเทพฯ-เมืองหลวงของประเทศไทยแห่งนี้ กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลกลุ่มย่อมๆ ที่อยู่รายล้อมเขาต่างอยู่ในอารมณ์ของความสะใจ พากันตะโกนอย่างพร้อมเพรียงกันว่า “แฮปปี้เบิร์ธเดย์” ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมงต่อจากนั้น จะมีการเฉลิมฉลองด้วยการเปล่งรหัสลับทำนองเดียวกันนี้อีกหลายๆ หนทีเดียว

It's five days before the army would send armored personnel carriers into central Bangkok on May 19 to decisively quash the 'red shirt'' occupation, and your correspondents are inside a tent with the infamous paramilitaries, dubbed ''men in black'' by the media, as they prepared for war.

ช่วง 5 วันก่อนที่กองทัพจะส่งรถหุ้มเกราะเข้าไปใจกลางกรุงเทพฯ ในวันที่ 19 พ.ค.เพื่อสลายการชุมนุมของผู้ชุมนุมประท้วงเสื้อแดง ผู้สื่อข่าวทั้งสองคนได้เข้าไปอยู่ในเต็นท์ ร่วมกับกลุ่มติดอาวุธที่ถูกขนานนามจากสื่อทั้งในไทยและต่างประเทศว่า "ชายชุดดำ" โดยบุคคลเหล่านี้กำลังเตรียมทำสงคราม

They let us inside their secret world on one condition: if we took any pictures, they would kill us.

พวกเขาอนุญาตให้เราสองคนเข้าไปในโลกอันลี้ลับแห่งนี้ได้ โดยมีเงื่อนไขข้อเดียวคือ ถ้าเราถ่ายภาพ พวกเขาจะฆ่าเราทุกคน

These were not the regular black-attired security guards employed by the United Front for Democracy against Dictatorship, or UDD, anti-government protest group who generally didn't carry guns. These were the secretive and heavily armed agent provocateurs whose connections, by their own admission, run to the top of the UDD, also known as the red shirts.

คนกลุ่มนี้ไม่ใช่การ์ดที่สวมชุดดำของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่เห็นกันจนชินตา และตามปกติไม่พกอาวุธปืน แต่คนกลุ่มนี้เป็นจารชนติดอาวุธร้ายแรงที่ทำงานอย่างลับๆ และมีสายสัมพันธ์กับกลุ่มเสื้อแดง


Several UDD co-leaders have since been detained and branded as ''terrorists'' by the Thai government. On Wednesday, Thai authorities issued an arrest warrant for self-exiled former prime minister Thaksin Shinawatra on terrorism charges, alleging a link between the fugitive politician and the UDD gunmen's violent campaign. Thaksin swiftly denied the charges.

นับตั้งแต่บรรดาแกนนำเสื้อแดงหลายคนถูกควบคุมตัวและถูกตราหน้าจากรัฐบาลไทยว่าเป็น "ผู้ก่อการร้าย" รัฐบาลไทยได้ออกหมายจับกุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในข้อหาก่อการร้ายด้วยเช่นกัน โดยกล่าวหาว่าทักษิณมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนใช้ความรุนแรงของกลุ่มมือปืนเสื้อแดง ซึ่งอดีตผู้นำไทยปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ในทันที

There was a simple honesty to our arrangement with the fighters, but their death threat didn't preclude Thai-style hospitality. Only one man voiced displeasure with our presence; he asked his comrades about us, but he used the Thai pronoun for ''it''.

การตกลงกันระหว่างพวกเราสองคนกับนักรบกลุ่มนี้เป็นไปอย่างซื่อๆ ตรงไปตรงมา และถึงแม้พวกเขาจะข่มขู่ว่าอาจจะเอาชีวิตเรา แต่นั่นก็ไม่ได้สกัดกั้นไม่ให้พวกเขารับรองเราอย่างมีมิตรไมตรีแบบไทยๆ มีเพียงชายคนเดียวในกลุ่มนี้เท่านั้นที่ยังคงแสดงน้ำเสียงไม่ชอบใจกับการ ปรากฏตัวของพวกเรา เขาถามเหล่าสหายของเขาเกี่ยวกับเราสองคน โดยเขาเลือกใช้คำสรรพนามภาษาไทยแทนพวกเราว่า “มัน”

As the sun set on May 14 behind the UDD's bamboo-and-tire fortress erected in the heart of one of Bangkok's top commercial districts, the men ate hot noodles and whispered anxiously about army shooters. Snipers angered them.

ขณะที่ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ณ วันที่ 14 พฤษภาคม เบื้องหลังป้อมปราการที่กำหนดเขตด้วยแนวรั้วเครื่องกีดขวางอันสร้างขึ้นจาก ไม้ไผ่และยางรถยนต์ ในบริเวณใจกลางของย่านการค้าระดับท็อปแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ชายเหล่านี้รับประทานบะหมี่ร้อนๆ และพูดกระซิบกระซาบกันอย่างหงุดหงิดกังวลใจเกี่ยวกับพลแม่นปืนของกองทัพ นักซุ่มยิงของฝ่ายทหารกำลังทำให้กลุ่มคนเหล่านี้รู้สึกโกรธเกรี้ยว

Twenty-four hours earlier, Bangkok had been plunged into chaos after the man whom they said issued their orders directly, renegade army officer Maj Gen Khattiya Sawasdipol, was struck down and eventually died from a sniper's bullet as he spoke to a reporter. The government has denied responsibility for the hit.

ช่วง 24 ชั่วโมง ก่อนหน้านี้ กรุงเทพฯ ตกอยู่ในภาวะโกลาหลอย่างมาก หลังจากที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้อ้างว่าเป็นผู้ออกคำสั่งโดยตรงแก่พวกเขา ถูกลอบยิงเสียชีวิตจากมือปืนซุ่มยิงขณะกำลังให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่างชาติรายหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลก็ปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังเหตุลอบสังหาร เสธ.แดง

Khattiya, a celebrity rogue revered by many red shirts, often spoke fondly of what he called the ''Ronin Warriors'' - Ronin being samurai with no lord or master. In February, he boasted to reporters of training an undisclosed number of former military men to defend the red shirts, but later publicly denied leading them.

เสธ.แดง นายทหารหัวขบถซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มเสื้อแดงจำนวนมาก มักพูดบ่อยครั้งว่าชื่นชอบ "นักรบโรนิน" ซึ่งหมายถึงซามูไรไร้สังกัดหรือนักรบที่ไม่มีเจ้านาย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เสธ.แดง ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่ากำลังซุ่มฝึกอดีตทหารจำนวนหนึ่งให้มาทำหน้าที่ปกป้องกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง แต่ต่อมาก็ออกมาปฏิเสธอย่างเป็นทางการว่าไม่ได้เป็นผู้นำทหารกลุ่มนี้

Absent Khattiya's leadership, discipline inside the red fortress was on the decline. Alcohol flowed freely, fueling tempers and fist-fights. Earlier in the day a Ronin fighter fired an Israeli-made TAR-21 assault rifle, seized from the army in April, at an army helicopter overhead.

เมื่อไร้เงาของ เสธ.แดง ในการทำหน้าที่เป็นผู้นำ ระเบียบวินัยภายในป้อมบัญชาการของกลุ่มเสื้อแดงก็ดูจะหย่อนยานลงไป มีการดื่มเหล้ากันอย่างไม่อั้น ซึ่งกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ฮึกเหิม เกิดความโกรธแค้นชิงชังได้ง่าย และก่อนหน้านี้ มีนักรบโรนินคนหนึ่ง นำปืนไรเฟิล TAR-21 ที่ผลิตจากอิสราเอลและยึดเอาไปจากกองทัพเมื่อเดือนเมษายนออกไปยิงเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพลำหนึ่งที่มาบินอยู่เหนือที่ชุมนุม

Competing personalities vied for dominance among the disordered Ronin, but the bearded man who spoke little was calling the shots for now. "Do you know who is in charge here?" he said. "It's me."

มีนักรบโรนินหลายๆ คนพยายามเบ่งบารมีเพื่อช่วงชิงฐานะความเป็นลูกพี่ใหญ่ในหมู่กองกำลังนี้ที่ ตกอยู่ในสภาพสับสนไร้ระเบียบ แต่ชายไว้เคราผู้แทบไม่พูดอะไรเลยคือผู้ที่กำลังมีบทบาทเป็นผู้สั่งการใน เวลานี้ “พวกคุณรู้ไหมใครเป็นผู้รับผิดชอบที่นี่” เขากล่าว “ผมไง”


At least until another unnamed commandant he described as second to Khattiya arrived to assume command and investigate why journalists were with the gunmen.

อย่างน้อยที่สุดก็จะเป็นเช่นนั้นไปจนกระทั่งเมื่อมีผู้บังคับบัญชา ที่ไม่มีการระบุชื่ออีกคนหนึ่ง โดยเขาบอกว่าเป็นมือรองจาก พล.ต.ขัตติยะ จะเดินทางมาถึงและรับมอบอำนาจบังคับบัญชาไป รวมทั้งมาสอบถามด้วยว่าทำไมถึงมีพวกนักข่าวเข้ามาปะปนอยู่กับกลุ่มถืออาวุธ เหล่านี้

''Not Terrorists Not Violent; Only Peaceful and Democracy,'' read a banner hanging outside the barrier of jumbled tires. Inside, it was an open secret who the gunmen were; no less secret were the perimeter bombs, connected by dirty gray cables, designed to inflict heavy casualties on any advancing government army soldiers.

“ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ไม่ใช้ความรุนแรง มีแต่สันติภาพและประชาธิปไตย” เป็นข้อความในแผ่นป้ายที่แขวนเอาไว้ด้านนอกของแนวเครื่องกีดขวางซึ่งทำจาก ยางรถที่กองสุมอย่างไม่เป็นระเบียบ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้คนที่อยู่ข้างในแล้ว มันเป็นความลับที่ทราบกันไปทั่วอยู่แล้วว่ากลุ่มคนถืออาวุธเหล่านี้เป็นใคร เช่นเดียวกับที่ไม่ใช่ความลับอะไรเลยในเรื่องมีระเบิดจำนวนหนึ่งวางเอาไว้ ตามแนวเครื่องกีดขวาง และเชื่อมโยงเข้าด้วยกันโดยสายไฟสีทึมๆ สกปรก พร้อมที่จะสร้างความเสียหายอย่างหนักหน่วงแก่ทหารในกองทัพรัฐบาลที่จะยก กำลังบุกเข้ามา

Some of the men held their firearms tightly concealed under jackets. Just after sunset, oblong packages wrapped in black plastic were carried into tents in Lumpini Park from elsewhere in the camp. Running at a crouch, we were moved to a different tent nearer the memorial statue of Thai King Rama VI. The Ronin moved between tents often in this way to avoid detection from government snipers.

ชายกลุ่มนี้บางคนใส่เสื้อแจ๊กเกตเพื่อช่วยอำพรางอาวุธปืนที่พวกเขาพก พาติดตัวให้มิดชิด ทันทีที่ดวงอาทิตย์ตกดิน หีบห่อรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ห่อคลุมด้วยผ้าพลาสติกสีดำ ก็ถูกขนเข้ามาในเต็นท์ต่างๆ ในบริเวณสวนลุมพินี หีบห่อเหล่านี้มาจากที่ไหนก็ไม่ทราบภายในเขตพื้นที่ชุมนุมประท้วงนี้ พวกเราถูกบอกให้ออกวิ่งโดยก้มศีรษะให้ต่ำๆ โยกย้ายไปอยู่ที่เต็นท์อีกเต็นท์หนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ยิ่งขึ้นกับพระบรมราชานุ สาวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 นักรบโรนินจะมีการเคลื่อนย้ายระหว่างเต็นท์ต่างๆ อยู่บ่อยครั้งเช่นนี้แหละ เพื่อไม่ให้มือซุ่มยิงของฝ่ายรัฐบาลติดตามร่องรอยได้

Twenty-seven men crouched in darkness inside the tent. Newspapers covered any illuminated displays from radios or other electronics, and we were asked to turn off our cell phones. One gunman suggested army snipers would kill them all at first light if they had the chance.

โรนินทั้ง 27 คนยังต้องนอนหมอบราบกับพื้น และใช้หนังสือพิมพ์หุ้มอุปกรณ์ทุกอย่างที่สามารถสะท้อนแสงได้ ไม่ว่าจะเป็นวิทยุสื่อสารหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทต่างๆ ขณะที่เราสองคนถูกขอร้องให้ปิดโทรศัพท์มือถือ โดยมือปืนในกลุ่มโรนินคนหนึ่ง บอกว่ากลุ่มซุ่มยิงของรัฐบาลพร้อมจะลงมือทันทีที่มีโอกาส

''Don't worry; safe. Thai-style,'' their combat medic said to us in English, gesturing to layers of tarps obscuring the ground from potential snipers where we were camped with them.

"ไม่ต้องกลัว ปลอดภัย แบบไทยๆ" นักรบในกลุ่มที่ทำหน้าที่เป็นเสนารักษ์บอกกับเราเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมทั้งทำท่าทางบอกให้รู้ว่ามีผืนผ้าใบผืนใหญ่ปกคลุมช่วยพรางจุดยิงของเหล่ามือปืนซุ่มยิงได้เป็นอย่างดี

Fewer than half were paramilitaries, the rest regular black-shirts providing support and catering to the gunmen's needs. Some ran errands, others fetched water, coffee and M-150 energy drinks. The Ronin were structured like a military unit, complete with a radioman and the combat medic. They apparently had had training in explosives and munitions, which they put to use in handling plastic explosives and planting bombs for remote-detonation along the camp's edge.

กลุ่มคนเหล่านี้มีไม่ถึงครึ่งหนึ่งที่เป็นกองกำลังกึ่งทหาร พวกเสื้อดำธรรมดาที่เหลือเป็นพวกที่ทำหน้าที่สนับสนุนและจัดหาจัดเตรียมสิ่ง ต่างๆ ที่พวกถืออาวุธต้องการ บางคนทำหน้าที่ติดต่อประสานงาน คนอื่นๆ จัดหาน้ำ, กาแฟ, เครื่องดื่มชูกำลัง เอ็ม-150 นักรบโรนินเหล่านี้จัดโครงสร้างเหมือนเป็นทหารหน่วยหนึ่งโดยมีทั้งพลวิทยุ สื่อสารและพลพยาบาลครบครัน พวกเขาดูน่าจะผ่านการฝึกอบรมเรื่องการใช้วัตถุระเบิดและอาวุธยุทโธปกรณ์ ต่างๆ มาแล้ว ดังเห็นได้จากการที่พวกเขามีความรู้ในการจัดการกับระเบิดพลาสติก ตลอดจนมีความสามารถที่จะวางระเบิดเอาไว้รอบๆ แนวที่ตั้งในแบบที่สามารถจุดชนวนระเบิดจากที่ไกลออกไปได้

Despite media speculation that the Ronin were comprised of former anti-communist commandos, most of the men we met were much too young, looking to be in their early 20s. Many had been paratroopers and one said he came from the navy. Most originated from the same upcountry, rice-basket provinces the majority of red shirts called home. Several said they were still active-duty soldiers.

ถึงแม้มีสื่อมวลชนบางรายคาดเดาว่า นักรบโรนินเหล่านี้ประกอบไปด้วยอดีตทหารคอมมานโดที่เคยทำหน้าที่สู้รบกับพวก คอมมิวนิสต์ ทว่าสมาชิกกองกำลังที่เราพบเห็น ส่วนใหญ่ต่างยังอ่อนวัยเกินกว่าจะอยู่ในรุ่นอายุขนาดนั้นได้ โดยพวกเขาดูจะยังอยู่ในวัย 20 ต้นๆ กันเท่านั้น จำนวนมากทีเดียวเคยเป็นพลร่มมาก่อน มีคนหนึ่งบอกว่าเขาเคยอยู่กองทัพเรือ แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขามีรกรากภูมิลำเนาจากพื้นที่ชนบทเดียวกัน เป็นพวกจังหวัดซึ่งเป็นบ้านเกิดของคนเสื้อแดงส่วนข้างมาก หลายๆ คนทีเดียวกล่าวว่าพวกเขายังเป็นทหารประจำการอยู่

Eventually a call came in from a UDD guard. The army had succeeded in securing a location near Pratunam, the intersection bounding the northern extent of the red-occupied commercial district, and was pushing hard against protesters. They needed help.

ในที่สุดก็มีเสียงวิทยุเรียกเข้ามาจากการ์ดของ นปช.ผู้หนึ่ง กองทัพกำลังประสบความสำเร็จในการเข้าประจำที่มั่นแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับสี่แยกประตูน้ำ อันเป็นสี่แยกที่ตั้งอยู่ตรงแนวขอบด้านเหนือของย่านการค้าที่พวกเสื้อแดงยึด ครองอยู่ ทหารยังกำลังผลักดันผู้ประท้วงตรงบริเวณนั้น พวกเขาจึงต้องการความช่วยเหลือ

M16 and AR-15 rifles slid free from concealment under plastic or inside their clothing. In less than 10 minutes, the gunmen loaded ammunition into clips and locked them into place.

ปืนไรเฟิลสังหารทั้งแบบเอ็ม16 และ เออาร์-15 ถูกนำออกมาจากที่ซุกซ่อนในสภาพที่ห่อด้วยผ้าพลาสติก บางกระบอกก็ถูกนำออกมาจากภายในชุดเครื่องแต่งกายของพวกเขาเอง ภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที กลุ่มติดอาวุธเหล่านี้ก็บรรจุกระสุนเข้าไปแมกกาซีน และเสียบแมกกาซีนเข้าที่จนเสร็จเรียบร้อย

Ammunition was running low, they said. Each fighter was given no more than 30 rounds to carry. Although we didn't see any M79 grenade launchers, the Ronin discussed a bulky sack of grenades they were carrying.

อย่างไรก็ตาม นักรบกลุ่มนี้ยอมรับว่า ตอนนี้กระสุนเหลือน้อยเต็มที และแต่ละคนมีกระสุนติดตัวไปปฏิบัติภารกิจคนละไม่ถึง 30 นัด และแม้ว่าเราจะไม่เห็นเครื่องยิงระเบิดเอ็ม 79 แต่กลุ่มนักรบโรนิน ก็คุยกันเรื่องกระสอบหรือถุงใส่ระเบิดอันใหญ่เทอะทะที่พวกเขาแบกติดตัว

Just after 9 pm, the dozen fighters rose and scurried silently into the night to sow another round of mayhem.

เมื่อเวลาเคลื่อนผ่านเลย 3 ทุ่มไปนิดเดียว นักรบทั้ง 12 คนก็พากันลุกขึ้นและรีบเร่งออกไปอย่างเงียบๆ เพื่อเข้าสู่ความมืดมิดของรัตติกาล กระทำหน้าที่ในการสร้างความบาดเจ็บล้มตายและในการหว่านเพาะความปั่นป่วน วุ่นวายอีกวาระหนึ่ง

For the next nine hours, bursts of intense gunfire erupted from areas around the red-zone perimeter. first from the direction of Pratunam, later from points along Rama IV Road.

ระยะเวลา 9 ชั่วโมงถัดจากนั้น เสียงยิงปืนแผดก้องปะทุขึ้นจากพื้นที่ต่างๆ รอบๆ อาณาบริเวณของเขตเสื้อแดง แรกทีเดียวจากทิศทางของสี่แยกประตูน้ำ ต่อมาก็จากจุดต่างๆ ตามแนวถนนพระราม 4

Their tactics were consistent with those of trained guerrillas and snipers, letting off brief fusillades of gunfire before repositioning. They terrorized regular Thai army soldiers throughout the night, winding them up and denying them sleep.

ยุทธวิธีที่เหล่าโรนินนำมาใช้ในการทำสงครามครั้งนี้ สอดคล้องกับยุทธวิธีของกลุ่มกองโจรและกลุ่มมือปืนซุ่มยิง กล่าวคือระดมยิงช่วงสั้นๆ ก่อนจะเคลื่อนย้ายตำแหน่ง และนักรบเหล่านี้ก็ใช้ยุทธวิธีนี้ข่มขวัญทหารของกองทัพทั้งคืนจนไม่เป็นอันหลับอันนอน

At 6 am on May 16, they swaggered back into the camp under covering fire from homemade rockets to the cheers of the assembled reds. Visibly weary but beaming triumphant smiles, the men shouldered the night's spoils - body armor, riot shields, batons, helmets, flashlights and other gear taken from Thai security forces - some of which they handed out as gifts.

เมื่อถึงเวลา 6 โมงเช้าของวันที่ 16 พฤษภาคม พวกเขาก็เดินอาดๆ กลับเข้ามาในที่มั่น โดยได้รับการยิงคุ้มกันจากบั้งไฟยักษ์ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของคนเสื้อแดงที่มารวมตัวกัน นักรบเหล่านี้ซึ่งมีท่าทางเหนื่อยอ่อยอย่างเห็นชัดทว่าประดับรอยยิ้มของผู้ พิชิต ต่างขนต่างแบกข้าวของที่ช่วงชิงเอามาได้ในคืนนั้น เป็นต้นว่า เสื้อเกราะ, โล่ปราบจลาจล, ไม้กระบอง, หมวกเหล็ก, ไฟฉาย, และสิ่งของอื่นๆ ที่ได้มาจากกองกำลังความมั่นคงของไทย บางชิ้นพวกเขาก็แจกจ่ายให้แก่ผู้ที่มารุมล้อมในฐานะเป็นของที่ระลึก

If the battle for Bangkok was largely a hearts-and-minds campaign for public support, the Ronin's actions undermined the nonviolent ethos espoused by the UDD.

ถ้าหากสมรภูมิช่วงชิงกรุงเทพฯคราวนี้ ให้ความสำคัญกับการรณรงค์เอาชนะหัวจิตหัวใจ เพื่อให้ได้รับความสนับสนุนจากประชาชนในวงกว้างแล้ว การกระทำของพวกโรนินก็คือการทำลายจิตวิญญาณอหิงสาไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่ง นปช.อ้างว่าเป็นหลักการในการดำเนินการต่อสู้ของพวกเขา

They described their purpose as ''protecting'' the demonstrators and standing as a force-equalizer against Thai security forces. They perceived themselves as ''black angels'' watching over the unarmed farmers and families who comprised the red shirt rank and file.

นักรบโรนินพูดถึงจุดประสงค์ของพวกเขาว่า เพื่อ “พิทักษ์คุ้มครอง” ผู้ชุมนุมประท้วง และเพื่อเตรียมพร้อมที่จะทำหน้าที่เป็น กองกำลังซึ่งจะทำให้ฝ่ายเสื้อแดงมีความทัดเทียมกับกองกำลังความมั่นคงของไทย พวกเขามองตัวเองเป็น “เทวดาองค์ดำ” ซึ่งกำลังระแวดระวังภัยให้แก่พวกเกษตรกรและครอบครัวที่ปราศจากอาวุธ อันประกอบขึ้นเป็นผู้คนพลพรรคส่วนใหญ่ของฝ่ายเสื้อแดง

Kenneth Todd Ruiz is a freelance journalist living in Bangkok and blogging at reporterinexile.com. Olivier Sarbil is a Bangkok-based photojournalist whose images of recent events in Thailand are online at OlivierSarbil.com.

http://www.atimes.com/atimes/Southeast_Asia/LE29Ae02.html


------------------------------


ไม่ใช่แค่เอเชียไทม์เท่านั้น ที่เคยลงว่า นักรบชุดดำคือพวกเสื้อแดง

แต่ยังมีไฟแนนเชียลไทม์ ก็เคยลงข่าวว่าชายชุดดำเป็นพวกเสื้อแดงเช่นกัน

คลิกที่รูปเพื่อไปอ่านต้นฉบับ

ถ้าไปไม่ถึงต้นฉบับ ให้พิมพ์ประโยคนี้ที่กูเกิ้ล Black shirts’ on front line in Thai clashes


และหลังจากไฟแนนเชียลไทม์ลงแล้ว ไทยรัฐก็นำข่าวนี้มาเสนอ ดังนี้


http://imgur.com/3V7l4TZ

ด้วยเหตุที่เสธ.แดง คือผู้กุมความลับของนักรบชุดดำ ถ้าความจริงเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกจากปากเสธ.แดงเอง หากเมื่อเสธ.แดงถูกจับล่ะก็

ฝ่ายเสื้อแดงของทรราชทักษิณ จะไม่มีทางชนะ และไม่สามารถกล่าวหาว่าทหารฆ่าประชาชนได้

หรืออาจจะเพราะเสธ.แดง อาจไม่เห็นด้วยกับวิธีการการฆ่าประชาชนเพื่อใส่ร้ายทหารของทรราชก็ได้

ด้วยเหตุนี้ เสธ.แดง จึงต้องถูกสั่งเก็บ เพียงเพื่อให้ทรราชใช้หลอกผู้คนที่โง่ๆ ให้งมงายต่อไป จนมันได้กลับมามีอำนาจอีกครั้ง!!


คลิกอ่าน ข่าวมติชน ใครสไนเปอร์ ใครเผา ใครห้ามนักข่าวถ่ายรูป






1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ14 เมษายน 2555 เวลา 04:42

    "แม้วเอลวิส" แม่งจรจัดมาก หลายปีแล้ว ของให้แม่งเอลวิสตลอดอายุขัย ที่เหลืออันน้อยนิด

    ตอบลบ

ร่วมฮาแม้วจรจัด!! ถ้าไม่ชอบก็ผ่านไป ถ้าชอบใจก็ขอเสียงเชียร์ และขออภัยหากทำให้พวกคาราบาวแดงกระอัก ^^